การประชุมปฏิบัติการขยายผลการฟื้นฟูความรู้ถดถอยให้แก่นักเรียนในทุกสังกัดของจังหวัดสมุทรสาคร ภายใต้โครงการขยายผลการฟื้นฟูความรู้ถดถอย ให้แก่นักเรียนในทุกสังกัดของจังหวัดสมุทรสาครฯ ระยะต่อเนื่อง องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร

8 ต.ค. 2567 นายอาคม  ศาณศิลปิน ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธีเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการขยายผลการฟื้นฟูความรู้ถดถอยให้แก่นักเรียนในทุกสังกัดของจังหวัดสมุทรสาคร ภายใต้โครงการขยายผลการฟื้นฟูความรู้ถดถอย ให้แก่นักเรียนในทุกสังกัดของจังหวัดสมุทรสาครฯ ระยะต่อเนื่อง ณ ห้องประชุมธนภาคิน รร.เซ็นทรัลเพลส อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยมี ดร.รังสรรค์  วิบูลย์อุปถัมภ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย นายธนิต มิวงษ์ นางสาวอารยา สุวรรณอาศน์ ผู้แทนมูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม นางสาววนิดา ดิลกธนกุล รองศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร ดร.พิมพ์พิศา ชัชชวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร นายชัยสิทธิ์ ยังชีพยืนอยู่ดี นักวิชาการศึกษา ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายจักรพงศ์ จันทวงศ์ ครูโรงเรียนหางดงรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ ผู้บริหารการศึกษา ศึกษานิเทศก์ และบุคลากรทางการศึกษาของหน่วยงานที่จัดการศึกษาทั้งสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทยในจังหวัดสมุทรสาคร เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว

การประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยน ความรู้ และประสบการณ์ของผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อร่วมกันทำงานแบบบูรณาการในการฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียนในจังหวัดสมุทรสาครได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการศึกษา ทำให้นักเรียนไม่สามารถไปโรงเรียนได้เป็นเวลาหลายเดือน และครูได้รับผลกระทบ การปิดโรงเรียนและการเรียนการสอนทางไกลทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากรและการเรียนการสอน ส่งผลให้เกิดภาวะความรู้ถดถอยในหลายมิติ ทั้งด้านคณิตศาสตร์ การอ่านเขียน และด้านอารมณ์และสังคม

กิจกรรมนี้จึงมุ่งเน้นการฟื้นฟูความรู้ถดถอยและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่จัดการศึกษา จากนโยบายของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาครที่แนะนำให้มีการขยายผลเพื่อให้เกิดแรงเสริมหนุนการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ของการทำงานร่วมกันระหว่างจังหวัดสมุทรสาคร กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา มูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม และองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือน มิ.ย. – ก.ค. 2567 มีการจัดกิจกรรมเสริมความเข้มแข็งอบรมออนไลน์ให้กับคณะคุณครูในจังหวัดสมุทรสาคร ผ่านเครือข่าย ONE TEACHER Thailand นับว่าเป็นมิติอันดีที่จะใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นประโยชน์ และการฝึกอบรม On-line ที่ผ่านมาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

ผลสรุปการประชุม

“โครงการขยายผลการฟื้นฟูความรู้ถดถอยแก่นักเรียนทุกสังกัดในจังหวัดสมุทรสาคร โดยความร่วมมือระหว่างองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ระยะต่อเนื่อง

หลักการและเหตุผล
การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2020 ได้ส่งผลกระทบต่อโลกอย่างมาก ทำให้นักเรียนกว่า 1.6 พันล้านคนไม่สามารถไปโรงเรียนได้เป็นเวลาหลายเดือน และครูมากกว่า 63 ล้านคนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ยูเนสโกประมาณการว่าเด็กและเยาวชนกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกไม่ได้รับการศึกษาจากรัฐบาล กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาส เด็กและเยาวชนเหล่านี้สูญเสียโอกาสทางการศึกษาในช่วงการระบาดของโควิด-19 และอาจต้องออกจากโรงเรียนเนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อการศึกษาในหลายมิติ เช่น การปิดโรงเรียนทำให้นักเรียนต้องอยู่บ้านเป็นเวลานาน การใช้การเรียนการสอนทางไกลและรูปแบบอื่นๆ และความไม่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงทรัพยากรและการเรียนการสอนในช่วงวิกฤติ ซึ่งส่งผลต่อการถดถอยของความรู้ รวมถึงปัญหาทางจิตใจและอารมณ์ของนักเรียนที่เกิดจากการหยุดเรียนเป็นเวลานาน ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจของครัวเรือน ซึ่งทำให้เด็กและเยาวชนหลายคนต้องออกจากระบบการศึกษา ทำให้ความไม่เสมอภาคทางการศึกษามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
การวิจัยของสถาบัน NWEA ในสหรัฐอเมริกาพบว่ามีปรากฏการณ์ถดถอยของความรู้ในกลุ่มเด็กและเยาวชนเนื่องจากวิกฤตโควิด-19 หรือที่เรียกว่า “COVID Slide” ซึ่งทำให้นักเรียนต้องอยู่บ้านเป็นเวลานาน ส่งผลให้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ลดลงถึง 50% และความรู้ทางการอ่านลดลง 30% โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนที่ไม่ได้ใช้ภาษาแม่เป็นภาษาหลัก การเรียนการสอนทางไกลไม่สามารถทดแทนการเรียนรู้และประสบการณ์จากการมีปฏิสัมพันธ์ในห้องเรียนได้ แม้แต่ในกลุ่มนักเรียนที่มีกำลังซื้อ มีคอมพิวเตอร์และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต การเรียนผ่านคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานยังส่งผลต่อสุขภาพจิตและพัฒนาการทางสังคมและอารมณ์ การวิจัยจาก MIT พบว่าเทคโนโลยีการศึกษาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถชดเชยผลกระทบจากการไม่มาโรงเรียน เช่น การสูญเสียหรือถดถอยของความรู้ ขาดประสบการณ์ทางสังคม และไม่ได้รับอาหารที่มีคุณค่าและการบริการสังคม

ข้อมูลและสถิติเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเลวร้ายลงในช่วงวิกฤตนี้และในช่วงหลังการระบาด หากผลกระทบเหล่านี้ไม่ได้รับการติดตามและแก้ไขอย่างทันท่วงทีจะส่งผลต่อแนวโน้มและสถานการณ์ของความไม่เสมอภาคทางการศึกษาในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กไทยที่อาจลดลงถึง 1-2 ปีการศึกษาเมื่อเทียบกับอายุของผู้เรียน หากไม่มีการติดตามพัฒนาการการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นรายบุคคลและการสอนเสริมเพื่อแก้ไขปัญหาการถดถอย

เพื่อให้การจัดการเรื่องนี้สำเร็จลุล่วง ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือการมีองค์ความรู้ เครื่องมือ การสนับสนุน และการเสริมสร้างศักยภาพให้กับครูและโรงเรียน โดยเฉพาะในการสนับสนุนการเรียนการสอนสำหรับเด็กและเยาวชนในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น ความยากจน การขาดแคลนการเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ทางไกล หรือเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เช่น เด็กที่ไม่สามารถพัฒนาความสามารถได้เต็มที่จากการเรียนการสอนตามปกติเนื่องจากมีความบกพร่องทางร่างกาย หรือเด็กที่มีความสามารถพิเศษ

จากสถานการณ์นี้ NEC เริ่มดำเนินโครงการฟื้นฟูความรู้ที่ถดถอยจากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 นำร่องที่จังหวัดสมุทรสาคร (Samut Sakhon Model) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปิดโรงเรียนยาวนานที่สุดในประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาในจังหวัดอย่างมาก เช่น การขาดแคลนอุปกรณ์สำหรับการเรียนออนไลน์ของเด็ก การขาดความพร้อมของครูในการจัดการเรียนการสอนในภาวะวิกฤต และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ทำให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสออกจากระบบการศึกษามากขึ้น

คณะกรรมการบูรณาการความร่วมมือในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในภาวะวิกฤตการศึกษาของจังหวัดสมุทรสาครประกอบด้วยหน่วยงานดังนี้: จังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร องค์กรปกครองท้องถิ่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรสาคร สมุทรสงคราม คณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัดสมุทรสาคร

จากกิจกรรมเหล่านี้ ได้มีการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อลดการถดถอยทางการเรียนรู้และฟื้นฟูการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น เพื่อช่วยสนับสนุนการเรียนการสอนในบริบทที่หลากหลายในสถานการณ์วิกฤต เพื่อลดการถดถอยทางความรู้และฟื้นฟูการเรียนรู้ของผู้เรียนใน 3 ด้าน ได้แก่ คณิตศาสตร์ ความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ และด้านสังคมและอารมณ์

วัตถุประสงค์
เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของครูและโรงเรียนในการนำระบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) ซึ่งประกอบด้วยการเรียนรู้ในห้องเรียน การเรียนออนไลน์ หรือการเรียนรู้ด้วยตนเองที่บ้าน ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองหรืออาสาสมัครทางการศึกษา
เพื่อนำเสนอการนำโมดูลการเรียนรู้เหล่านี้ (ที่สร้างขึ้นในช่วงทดลอง) ไปใช้ในระดับจังหวัดเพื่อจัดการกับการสูญเสียการเรียนรู้ของนักเรียนที่ยากจนและด้อยโอกาสในภาวะวิกฤต
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายโดยตรง ได้แก่
นักเรียนในจังหวัดสมุทรสาครที่เข้าร่วมการเรียนรู้จากการฝึกอบรมของครู ไม่น้อยกว่า 28,800 คน
สถานศึกษา 120 แห่ง และครูไม่น้อยกว่า 720 คนในจังหวัดสมุทรสาครได้รับการฝึกอบรม
บุคลากรจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหรือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดสมุทรสาคร 42 คน”

https://www.canva.com/design/DAGS4HECG0Q/4tCSwMYNz1uV3Zr5RaBHQA/edit?utm_content=DAGS4HECG0Q&utm_campaign=designshare&utm_medium=link2&utm_source=sharebutton

(อ้างอิง : องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย)