การประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมการจัดการศึกษาเพื่ออาชีพและพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงโดยใช้จังหวัดเป็นฐาน โครงการส่งเสริมเวทีและประชาคมเพื่อการจัดทำรูปแบบและการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ.2565

28 มิ.ย. 2565 นายอาคม ศาณศิลปิน ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมการจัดการศึกษาเพื่ออาชีพและพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงโดยใช้จังหวัดเป็นฐาน โครงการส่งเสริมเวทีและประชาคมเพื่อการจัดทำรูปแบบและการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ณ ห้องประชุมพระมงคลพัฒนาภรณ์ โรงเรียนวัดหลักสี่พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพื่อชี้แจงโครงการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีความเชื่อมโยงการจัดการเรียนรู้ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อย่างบูรณาการ และส่งเสริมให้หน่วยงานในระดับพื้นที่ร่วมมือกันในการบูรณาการหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาอย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่การส่งเสริมการมีอาชีพและการมีงานทำ โดยนำเสนอสถานศึกษาต้นแบบการดำเนินการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษา บูรณาการโครงการห้องเรียนอาชีพ โรงเรียนคุณภาพ ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนวัดหลักสี่พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ กับสถานศึกษาอาชีวศึกษาคู่พัฒนา วิทยาลัยการอาชีพบ้านแพ้ว และร่วมกันนำเสนอ Model หลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงโดยใช้จังหวัดเป็นฐาน ระหว่างโรงเรียนมัธยมศึกษากับสถาบันการศึกษาอาชีวศึกษาในจังหวัดสมุทรสาคร ในการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยกลุ่มเป้าหมาย ผู้บริหาร และครูผู้สอน โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรสาคร สมุทรสงคราม กับสถาบันที่จัดการศึกษาอาชีวศึกษาในจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และระดับอุดมศึกษา ได้แก่ วิทยาลัยการอาชีพบ้านแพ้ว วิทยาลัยประมงสมุทรสาคร วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทศบาลอ้อมน้อย วิทยาลัยการศึกษาและการจัดการทางทะเล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดสมุทรสาคร และวิทยาลัยชุมชนสมุทรสาคร รวมทั้งบุคลากรทางการศึกษา รวมจำนวนผู้เข้าประชุมเชิงปฏิบัติการทั้งสิ้น 40 คน